Saturday, March 29, 2014

Chapter6: เมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป

            ไดโนเสาร์ สิ่งมีชีวิตที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นผู้ที่ครองโลกใบนี้มาก่อน ด้วยขนาดที่ใหญ่โตและความสามารถในการล่าจึงทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่จะสามารถเอาชนะเจ้าได้โนเสาร์ได้ ในตอนเด็กๆผมจำได้ครับว่าเคยไปดูการแสดงไดโนเสาร์จำลองที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ความรู้สึกในตอนนั้นก็คือมันดูเหมือนจริงมากและส่วนใหญ่ก็มีขนาดที่ใหญ่กว่ามนุษย์เราทั้งนั้น สิ่งที่ตอนเด็กๆสงสัยก็คือ แล้วทำไมไดโนเสาร์ถึงสูญพันธุ์เท่าที่พอจำได้จากการอ่านหรือเรียนหนังสือก็คือ มีอุกกาบาตพุ่งชนโลกจนทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจนไดโนเสาร์ไม่สามารถที่จะมีชีวิตรอดในสภาวะแบบนั้นได้

          การที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์นั้นก็เป็นไปตามทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ในตอนนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ครับว่า ไดโนเสาร์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ผู้ต่อกร แต่ภายใต้ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ เรารู้แล้วว่าธรรมชาตินั้นไม่ได้เลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เลือกผู้ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ธรรมชาติกำหนดให้ต่างหาก ซึ่งเพื่อนๆก็คงจะนึกออกว่ามีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ปรับตัวและอยู่รอดมาได้นั่นก็คือ แมลงสาบ

ที่มา: www.ebay.com


            ตัวผมเองก็เป็นคนที่เกลียดแมลงสาบเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นบทนี้ผมไม่ได้จะมาพูดเรื่องเกี่ยวกับแมลงสาบหรอกครับ แต่จะมาพูดให้ฟังถึงอีกปัจจัยที่ฉุดให้ Sony ต้องสละบัลลังก์ของผู้นำ เรื่องที่ว่านั้นก็คือ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

            คุณผู้อ่านคงทราบกันดีนะครับว่าในยุคปัจจุบันที่เราอยู่กันนั้นเกือบจะเป็นยุคของดิจิตอลโดยสมบูรณ์แล้ว อุปกรณ์ IT ที่เราใช้ประจำวันล้วนส่งข้อมูลกันในรูปของดิจิตอลทั้งนั้น (จะเว้นก็แต่ทีวีกับวิทยุที่กำลังจะเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิตอล) แต่ในยุคที่ Sony เติบโตขึ้นมานั้นมันเป็นยุคของ Analog และคำถามที่สำคัญคือ มันเกิดอะไรขึ้นกับ Sony เมื่อโลกเปลี่ยนจาก Analog เป็น Digital” แต่ก่อนจะไปหาคำตอบ ผมต้องปูพื้นฐานเรื่อง Analog และ Digital ให้ผู้อ่านเข้าใจตรงกันก่อน

          ในยุค Digital นั้นการส่งข้อมูลจะส่งกันในรูปแบบของเลขฐานสองที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจ ดังนั้นการส่งข้อมูลในรูปแบบ Digital นั้นจะมีแค่ ส่งสำเร็จกับ ส่งไม่สำเร็จพูดแบบนี้อาจจะเข้าใจยาก มาดูตัวอย่างในชีวิตประจำวันกันดีกว่า สมมติว่าคุณจะ Copy เพลงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ลงไปใน Flash drive ผลลัพธ์จะมีแค่ Copy สำเร็จ กับ Copy ไม่สำเร็จเท่านั้น หากสำเร็จไฟล์เพลงทั้งสองไฟล์จะเหมือนกันทุกส่วนต้นฉบับมายังไงตัว Copy ก็จะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าไม่สำเร็จไฟล์นั้นก็จะเล่นไม่ได้เลย หรือที่เรียกกันว่าไฟล์เสีย แต่ถ้าเป็นในยุค Analog การอัดเพลงระหว่างตลับเทปอาจจะได้คุณภาพไม่เท่ากับต้นฉบับขึ้นอยู่กับทั้งเครื่องอัดและตัวตลับเทปเอง หรือการมาของทีวีดิจิตอลก็ดี จะมีแค่คำว่า ดูได้ชัดแจ๋วกับ ดูไม่ได้เลยเท่านั้น ซึ่งต่างกับในยุค Analog ที่ถึงสัญญาณไม่ค่อยดีแต่ก็พอจะดูได้บ้าง

            ทีนี้พวกเราชาว HowWhy? ก็มีข้อมูลเพียงพอที่จะวิเคราะห์ปัญหาของ Sony ได้แล้ว

          มีประโยคนึงที่ในหนังสือได้พูดเกี่ยวกับ Sony ก็คือ Sony นั้นเป็นเจ้าชายในยุค Analog ความหมายก็คือ ในยุคอนาล็อกคุณภาพของผลิตภัณฑ์แตกต่างกันอย่างมาก การที่บริษัทไหนมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่าบริษัทอื่น (เป็นผู้ครอบครอง Knowhow) จะทำให้บริษัทนั้นมีความได้เปรียบ อย่างที่เคยได้พูดไปในบทก่อนๆถึงคุณภาพของทีวี Sony ที่ดีกว่ายี่ห้ออื่นอย่างชัดเจน ดังนั้น Brand จึงมีอิทธิพลมากที่สุดต่อการเลือกของผู้บริโภค แต่ในยุค Digital การสร้างความแตกต่างของสินค้าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ลองนึกภาพเวลาคุณเดินไปโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้าง จะเห็นว่าทีวีเกือบทุกยี่ห้อถึงจะแตกต่างกันบ้างแต่ก็ไม่แตกต่างกันมาก (เอาเข้าจริงที่เห็นว่าต่างเยอะเพราะคนขายตั้งค่าความสว่าง ค่าสี ให้จอแต่ละจอต่างกันสะมากกว่า) หรือจะให้ชัดเจนก็ระหว่างตลับเทปกับแผ่นซีดี หลายคนคงเคยได้สัมผัสกับตลับเทปยาน มันก็ยังคงฟังได้นะแต่เสียงมันจะแปลกไปก็เท่านั้น แต่กับแผ่นซีดีมันก็มีแค่ฟังได้กับฟังไม่ได้เท่านั้น

เมื่อความแตกต่างของสินค้าได้หายไป ทำให้ Sony นั้นสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันไปในแทบจะทันที สิ่งนึงที่ Sony พยายามสร้างความแตกต่างในยุค Digital ก็คือการออกแบบทางด้านวัสดุศาสตร์ แต่ก็ไม่ทำให้ Sony สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างในยุคของ Analog เนื่องจากสามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย

จะเห็นได้ว่าการที่สิ่งแวดล้อมรอบข้างเปลี่ยนไปทำให้ Sony ที่เปรียบเสมือนไดโนเสาร์ที่เคยยิ่งใหญ่ สูญเสียความสามารถในการเป็นผู้นำไป เมื่อสินค้าในยุค Digital ไม่แตกต่างกันก็ทำให้ Sony ไม่สามารถตั้งราคาในระดับ Premium อย่างที่เคยทำได้ (จริงอยู่ว่า Sony ก็ยังคงดื้อดึงตั้งราคาสูงอยู่ ถึงแม้คนจะซื้อน้อยลงก็ตาม) แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ Sony ตกที่นั่งลำบากก็คือ การที่ไม่สามารถนำเสนอสินค้าที่เป็นผู้นำในโลก Digital ได้ต่างหาก เพราะหากเรามองกันตามความเป็นจริงแล้ว Sony ไม่ใช่บริษัทที่ประสบความสำเร็จจากการขายสินค้าคุณภาพ แต่เพราะเป็นบริษัทที่เสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆต่างหากที่ทำให้สินค้าของบริษัททำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

บางคนอาจจะคิดว่าถึงแม้โลกจะเข้าสู่ยุค Digital แต่ก็ยังเห็น Sony ทำสินค้าออกมาขายในตลาดได้ไม่ต่างกับบริษัทอื่นนี่หน่า แล้วทำไม Sony ยังแย่อยู่หละ!! คำถามนี้น่าสนใจครับ เพียงแต่เรื่องมันไม่ง่ายแค่นั้นสิครับ สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปนั้นมันได้ให้กำเนิดผู้ล่าคนใหม่ที่ไม่เคยอยู่ในสายตา Sony มาก่อน แต่กลับกลายมาเป็นผู้เล่นหลักในตลาดสินค้า IT ในปัจจุบัน เรื่องราวของผู้ล่าคนใหม่จะเป็นอย่างไร ขอให้เพื่อนๆรอติดตามได้ใน HowWhy? ตอนต่อไปครับ

อ้างอิง : Wikipedia, Samsung VS Sony (Sea-Jin Chang แปลไทยโดย ดร.วิทยา สุหฤทดำรง และพนิดา เกษมวรพงศ์กุล)

สงวนสิทธิ์การนำไปทำซ้ำ อนุญาตให้เผยแพร่ได้
29 มีนาคม 2557
Copyright (c) 2014. Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.

29 March 2014

No comments:

Post a Comment