11 กันยายน 2001
ขณะที่ผมกำลังนั่งกินมาม่าอยู่สักเวลาประมาณเกือบๆจะสองทุ่ม
ทีวีก็ตัดภาพไปที่ข่าวเครื่องบินชนตึกที่นิวยอร์ก
ตอนแรกนั้นบ้างก็ว่าเป็นฉากโปรโมตหนังของทางอเมริกา แต่ก็อย่างที่เรารู้กัน นั่นคือการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริการวมถึงโลกใบนี้ด้วย
ที่ผมเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าเหตุการณ์เครื่องบินชนตึก
หรือที่เราเรียกกันว่า 911 (อ่านว่า Nine one one) เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้โลกรับรู้ถึงการก่อการร้าย
และทุกประเทศทั่วโลกก็พร้อมใจกันยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็เช่นการที่เราต้องผ่านด่านตรวจมากมายก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน
ในประเทศไทยนั้นเราก็ตื่นตัวเรื่องการก่อการร้ายกันมากขึ้น
โดยเฉพาะในสถานที่สาธารณะต่างๆเช่นห้างสรรพสินค้า สนามบิน หรือสถานที่ราชการ
เพื่อนๆคงได้เห็นบ่อยๆถึงเครื่องสแกนวัตถุโลหะที่ติดไว้ตามประตูทางเข้าห้างเพื่อที่จะคอยตรวจดูว่ามีใครนำอาวุธเข้าไปในห้างหรือเปล่า
แต่สิ่งหนึ่งที่มากระตุกต่อม HowWhy? ของผมในวันนี้ก็คือ
ทำไมพนักงานรักษาความปลอดภัย (หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ยาม”) ต้องเอาไม้พลาสติกยาวๆที่ติดกระจกไว้ที่ปลายด้านล่างคอยส่องใต้ท้องรถเราเวลาเรารับบัตรจอดรถ
เค้าต้องการจะส่องหาอะไร?
ที่มา: อ้างอิง : http://www.gatekeepersecurity.com/why-look-under-a-vehicle |
คำตอบสำหรับคำถามนี้ก็ง่ายมากครับ
สิ่งที่พี่ยามพยายามส่องหาใต้ท้องรถก็คือ “ระเบิด” นั่นเอง อันนี้ผมก็ตอบได้ครับ แต่ถ้าผมเป็นผู้ก่อการร้ายที่ตั้งใจจะใช้
Car
bomb ผมก็อาจจะแอบซุกระเบิดไว้ในรถก็ได้
ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาไปติดไว้ใต้รถเลย และยามก็ไม่มีวันที่จะหาเจอด้วยเพราะไม่เคยเข้ามาตรวจในรถเรา
..........แล้วพี่ยามเค้าจะยังเอากระจกส่องใต้รถไปทำไม อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงกันแน่? ........เพื่อจะหาคำตอบนี้เราจะต้องสวมบทบาทเป็นผู้ก่อการร้ายว่าผู้ก่อการร้ายมีเหตุผลที่จะเอาระเบิดไปติดไว้ใต้รถมากกว่าการแอบไว้บนรถจริงรึเปล่า?............
แรกเริ่มเดิมทีนั้นผู้ก่อการร้ายก็เอาระเบิดยัดไว้ในรถอย่างที่พวกเราคิดกันนั่นแหละครับ
เพราะมันเป็นวิธีที่ง่าย และก็สามารถบรรจุระเบิดเข้าไปได้เป็นจำนวนมาก
แต่หลังจากเหตุการณ์ 911 การทำงานของเหล่าผู้ก่อการร้ายก็ยากขึ้น
การจะขับรถที่เต็มไปด้วยระเบิดเข้าไปในสถานที่สาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ราชการนั้นเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นผู้ก่อการร้ายก็ต้องปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อม เหมือนอย่างที่ชาร์ล
ดาร์วินได้บอกไว้ ถ้าผู้ก่อการร้ายต้องการจะใช้ Car bomb ต่อไปก็ต้องหาวิธีใหม่ๆ และวิธีที่ว่านี้ก็คือ “การเอาระเบิดไปติดไว้ใต้รถ” นั่นเอง
แต่ใช่ว่าจะแค่เปลี่ยนจากไว้ในรถไปไว้ใต้รถอย่างเดียวนะครับ
ผู้ก่อการร้ายคิดวิธีที่ฉลาดกว่านั้น โดยใช้สมมติฐานที่ว่าถึงแม้ว่าจะมีการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น
แต่สำหรับรถที่เข้าออกสถานที่แห่งนั้นเป็นประจำ เช่น รถผู้บริหาร รถรัฐมนตรี
รถโรงเรียน เป็นต้น มักจะไม่ค่อยถูกตรวจสอบเพราะคิดว่าเป็นรถที่ปลอดภัย ในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า
“Trusted
Vehicle” สมมติผู้ก่อการร้ายต้องการที่จะวางระเบิดที่ทำการรัฐบาล
พวกเขาก็เพียงแค่แอบติดตามรถของรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง
จากนั้นก็แอบเอาระเบิดไปติดไว้ใต้รถของรัฐมนตรีคนนั้น
หลังจากนั้นก็แค่รอเวลาให้รัฐมนตรีไปทำงาน เท่านี้ผู้ก่อการร้ายก็สามารถที่จะส่ง Car bomb เข้าไปในที่ทำการรัฐบาลได้โดยไม่ผ่านการตรวจสอบ เหลือก็แค่รอเวลาระเบิดก็เท่านั้นเอง
แต่ในมุมมองของการรักษาความปลอดภัยการที่ให้พี่ยามมาส่องใต้ท้องรถมันจะช่วยได้จริงหรอ?
ว่ากันจริงแล้วก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์สักเท่าไรหรอกครับ สาเหตุแรกก็คือ “เบื่อ” พี่ยามก็เลยไม่ค่อยสนใจจะดูสักเท่าไร
สาเหตุที่สองก็คือพี่ยามของเรานั้นไม่ใช่ช่างซ่อมรถนะครับ เพราะฉะนั้นมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พี่ยามจะรู้ได้ว่าอะไรควรจะเป็นส่วนประกอบที่อยู่ใต้รถบ้าง
ส่วนสาเหตุสุดท้ายก็คือ ถึงแม้ว่าผู้ก่อการร้ายจะเอาระเบิดไปติดไว้ใต้รถจริง
ก็คงจะทำให้มันมีรูปร่าง หรือทำ Package ให้มันดูคล้ายส่วนประกอบของรถเพื่อไม่ให้เห็นได้ชัดว่าเป็นระเบิดเพื่อไม่ให้พี่ยามจับได้นั่นเอง
คราวนี้เวลาที่เพื่อนๆกำลังจะเข้าที่จอดรถก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพี่ยามต้องคอยเอากระจกมาส่องใต้ท้องรถเรา
ถึงแม้ว่าเราจะเห็นเหมือนว่าพี่ยามไม่ค่อยจะสนใจดูสักเท่าไรก็เถอะ! เพราะบางทีเราอาจจะเป็นเครื่องมือของผู้ก่อการร้ายโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
อ้างอิง : http://www.gatekeepersecurity.com/why-look-under-a-vehicle
สงวนสิทธิ์การนำไปทำซ้ำ อนุญาตให้เผยแพร่ได้
9 พฤษภาคม 2557
Copyright (c)
2014. Use of such content either in part or in whole without permission is
prohibited.
9 May 2014
No comments:
Post a Comment